ดวงตาต้องการลูทีน และซีแซนทีนเท่าไหร่ ? ถึงจะเพียงพอ

เนื่องจากลูทีน เป็นสารที่เป็นส่วนประกอบภายในดวงตามีหน้าที่ เป็นตัวกรองแสงช่วยป้องกันแสงหรือรังสีที่เป็นอันตรายต่อดวงตาและช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย ดังนั้นร่างกายคนเราจึงควรได้รับลูทีนในปริมาณที่เพียงพอในทุกๆวัน

“ลูทีน” สามารถพบได้จากแหล่งใดบ้าง

1.ฟักทอง

เป็นผักที่มีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยทั้งผิวพรรณ

ระบบย่อยอาหาร และยังอุดมไปด้วย ลูทีน ช่วยบำรุงดวงตา

การรับประทาน ฟักทอง 400 กรัม  จะได้รับลูทีน 6 มิลลิกรัม

2.ผักคะน้า

ผักที่อุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม ลูทีน ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างกระดูกให้แข็งแรง

การรับประทาน ผักคะน้า 200 กรัม จะได้รับลูทีน 9.6 มิลลิกรัม

3.ถั่วลันเตา

ผักที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของโรค เช่น เบาหวาน

การรับประทาน ถั่วลันเตา 500 กรัม (ครึ่งกิโลกรัม) จะได้รับลูทีน 7 มิลลิกรัม

4.ข้าวโพด

ป้องกันและยับยั้งความเสียหายของเซลล์ ที่เกิดขึ้นจากสารอนุมูลอิสระ

การรับประทาน ข้าวโพด 10 ฝัก เฉลี่ย 1 กก. จะได้รับลูทีน 6.4 มิลลิกรัม

5.แครอท

ช่วยให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง

การรับประทาน แครอท 2.4 กก. จะได้รับลูทีน 6 มิลลิกรัม

6.ไข่แดง (ขนาดกลาง)

มีกรดไขมันโอเมกา-3 ที่จำเป็นต่อการทำงานของสมองและเนื้อเยื่อตา   

ช่วยในเรื่องของความจำ  และทำให้การมองเห็นดีขึ้น

การรับประทาน ไข่แดง 2 กิโลกรัม จะได้รับลูทีน 6 มิลลิกรัม

7.ผักกาดแก้ว

อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงฮีโมโกลบิน ดีต่อผู้ป่วยโรคเลือด ช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี

การรับประทาน ผักกาดแก้ว 250 กรัม จะได้รับลูทีน 6.5 มิลลิกรัม

8.กะหล่ำปลี

ช่วยบรรเทาโรคกระเพาะ และ ลดระดับคอเรสเตอรอล รวมถึงมีสารซัลเฟอร์ที่ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น

การรับประทาน กะหล่ำปลี 2 กิโลกรัม จะได้รับลูทีน 6 มิลลิกรัม

9.บล็อกโคลี่

อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันความเสี่ยงโรคหัวใจล้มเหลว

อีกทั้งยังมีฤทธิ์ป้องการอักเสบ ต้านเชื้อมะเร็ง โรคหัวใจ ต้านโรคเบาหวาน

การรับประทาน บล็อกโคลี่ 300 กรัม จะได้รับลูทีน 6.6 มิลลิกรัม

10.แคนตาลูป

ช่วยล้างพิษ ดับพิษร้อน ขับปัสสาวะ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน

การรับประทาน แคนตาลูป 23 กิโลกรัม จะได้รับลูทีน 6.21 มิลลืกรัม

ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)  เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด จากภาพจะเห็นได้ว่า “ดอกแมรี่โกลด์” เป็นแหล่งที่สามารถพบลูทีนและซีแซนทีนได้มากที่สุด

การรับประทานผัก-ผลไม้บางชนิด เพื่อให้ได้ปริมาณลูทีน 6-10 มิลลิกรัมต่อวัน จึงจำเป็นต้องรับประทานในปริมาณสูง เพื่อให้ได้สารสำคัญที่พอเหมาะสำหรับการบำรุงสายตา ดังนั้นการรับประทานเสริม ด้วยวิตามินที่สกัดจากดอกแมรี่โกลด์จากธรรมชาติ ที่ไม่ใช้สารเคมีในการสกัด จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ได้รับลูทีนในปริมาณที่เพียงพอ อีกทั้งยังมีความปลอดภัยและสะดวกต่อผู้บริโภคอีกด้วย